วิธีทำ “ข้าวต้มปลา กับ น้ำจิ้มรสเด็ด” อาหารเช้าง่ายๆ

วันนี้มีเมนูข้าวต้มปลาร้อนๆ มาเสิร์ฟค่ะ ใครชอบกินเมนูข้าวต้ม จัดกันเลยค่ะ ง่ายๆ อร่อย อยู่ท้อง มาพร้อมกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวสูตรเด็ด อร่อยลงตัว รสเผ็ดแซ่บ กินกับเนื้อปลา เข้ากันดีจ้า

 

ส่วนผสม น้ำซุป

– น้ำสะอาด 6 ลิตร

– เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ

– กระดูกหมู 1.5 โล

– ซีอิ้วขาว 1.5 ช้อนโต๊ะ

– ซุปหมูก้อน 2 ก้อน

– น้ำตาลกรวด 100 g

– รากผักชี รากขึ้นฉ่าย ต้นหอม อย่างละ 3-4 ต้น

– ข่าหั่นแว่น 4-5 ชิ้น

ส่วนผสม ข้าวต้มปลา

– ข้าวสวย หุงสุกแล้ว

-เนื้อปลา ดอลลี่ 1 kg (ปลากระพง ปลาทับทิม หรือปลาอื่นที่ชอบ)

– พริกไทยป่น

– ต้นหอม ใบขึ้นฉ่ายซอย 1 ถ้วย

– ตั้งฉ่าย

– กระเทียมเจียว

– น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

– ข่าปั่นละเอียด ครึ่งถ้วย

 

ส่วนผสม น้ำจิ้ม

– เกลือ 1 ช้อนชา

– เต้าเจียว 4 ช้อนโต๊ะ

– น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

– น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ

– น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

– พริก 5 เม็ด

– กระเทียม 5 กลีบ

– ขิงสับ 3 ช้อนโต๊ะ

 

 

วิธีทำ

-เริ่มจากน้ำซุปก่อน ต้มกระดูกหมูกับน้ำสะอาด ใส่เกลือไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อน จากนั้นใส่ ซีอิ้วขาว รากผักชีขึ้นฉ่าย ต้นหอม ข่า น้ำตาลกรวด ซุปหมูก้อน ต้มต่ออีกประมาณ ครึ่งชั่วโมง ต้มให้เดือดชิมรสแล้วปรุงให้ได้ตามชอบค่ะ

-จากนั้นนำมากรองด้วยผ้าขาวบางหรือตะแกรงเพื่อให้น้ำซุปใส ไม่มีมัน และเศษกระดูกหมูติดมาในชามข้าวต้ม

 

 

-ทำน้ำจิ้ม โดยการปั่นพริกกระเทียมพอละเอียดดี จากนั้นก็ปรุงรสด้วย น้ำตาลทราย น้ำส้มสายชู เกลือ มะนาวผสมให้เข้ากัน เทใส่ถ้วย ใส่ขิงซอยลงไปผสมไม่ต้องปั่นเพราะขิงจะเผ็ดฉุนมากค่ะ

-การคั่วข่า ตั้งกระทะไฟอ่อน ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย ใส่ข่าที่ปั่นละเอียดลงไปคั่วให้หอม และแห้งดี จนเป็นสีเหลือมอมน้ำตาล ตักใส่ถ้วยพักไว้ก่อนค่ะ

 

-นำน้ำซุปที่กรองไว้แล้ว มาต้มให้เดือด ใส่เนื้อปลาที่ทำความสะอาดไว้แล้ว ใส่ทีละชิ้น และไม่ต้องคน จนกว่าจะเดือด และเนื้อปลาลอยขึ้นมา พอเนื้อปลาลองขึ้นมาให้ต้มต่ออีก 2-3 นาทีเพื่อให้เนื้อปลาสุกดี แล้วตักเนื้อปลาแยกไว้ต่างหากเลนค่ะ ถ้าแช่น้ำซุปนาน เนื้อปลาจะเละได้ค่ะ

 

 

-ตักข้าวสวยใส่ชาม ตักน้ำซุปเดือดๆ ใส่ในชามพอท่วม ใส่ปลาดอลลี่ในชามข้าวต้ม ใส่กระเทียมเจียว ตั้งฉ่าย ข่าคั่ว พริกไทยป่น ใส่ผักโรย ก็เป็นอันเสร็จ ข้าวต้มปลาร้อนๆ เสิร์พพร้อมน้ำจิ้มเต้าเจี้ยว รสเด็ด เข้ากันที่สุด

 

 

แค่นี้ก็ได้ข้าวต้มปลาแสนอร่อยแล้วค่ะ

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก ครัวพิศพิไล